ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาได้มีการแชร์ข่าวในโซเชียลมีเดียอย่างแพร่หลายในเรื่องของ “สายชาร์จดูดเงิน” ซึ่งตอนนี้เหมือนคดีจะพลิกครับ เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ตรวจสอบและออกมาเปิดเผยว่า ไม่ได้เกิดขึ้นจากสายชาร์จตามข่าวดังกล่าว แต่เกิดจากผู้เสียหายถูกมิจฉาชีพหลอกให้ติดตั้งแอปพลิเคชันปลอมที่แฝงมัลแวร์ไว้ ทำให้มิจฉาชีพควบคุมโทรศัพท์จากระยะไกล เพื่อโอนเงินออกจากบัญชีนั้นเองครับ
วันที่ 18 ม.ค. 2566 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้หารือสมาคมธนาคารไทย ออกแถลงข่าวจากเหตุการณ์ ”สายชาร์จดูดเงิน” นั้นไม่เป็นความจริง “แต่เกิดจากผู้เสียหายถูกมิจฉาชีพหลอกลวงให้ติดตั้งแอปพลิเคชันปลอมที่แฝงมัลแวร์ ทำให้มิจฉาชีพล่วงรู้ข้อมูลการทำธุรกรรมของลูกค้า และควบคุมเครื่องโทรศัพท์เพื่อสวมรอยทำธุรกรรมแทนจากระยะไกล เพื่อโอนเงินออกจากบัญชี โดยอาจเลือกทำธุรกรรมในช่วงเวลาที่ผู้เสียหายไม่ได้ใช้งานโทรศัพท์”
ปัจจุบัน มิจฉาชีพได้มีหลากหลายวิธีในการหลอกลวงเหยื่อหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น SMS หลอกลวง, แก็งคอลเซนเตอร์ และมีการปรับเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดนั้นได้มีการหลอกลวงให้โหลดแอปพลิเคชันปลอมที่แฝงมัลแวร์ไว้ครับ
เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ พวกเราควรปฏิบัติข้อควรระวังอย่างเคร่งครัดและหมั่นตรวจสอบรายละเอียดให้รอบคอบมากยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันภัยการสูญหายของเงินเราครับ
แหล่งอ้างอิง: ธนาคารแห่งประเทศไทย




